ซีรี่ย์ สืบสวน

ซีรี่ย์ สืบสวน  Decision to Leave การฆาตกรรมรัก ข้างหลังเขา ฮจุน เป็นตำรวจสายที่อ่อนโยนต่อคนอื่น รอบกาย แต่ราวกับเป็นอีกคนเมื่อเขาดำตรงไปสู่การไต่สวนคดีแต่ละคดี รวมทั้งเขาก็ได้รับมอบหมายให้ค้นหาเค้าเงื่อนเกี่ยวกับคดีการตายแบบไม่ถูกวิถีธรรมชาติที่เกิดขึ้นในบริเวณซอกเขาแห่งหนึ่ง ตรงนั้นทำให้เขาได้เจอกับ ซอแร สมัยก่อนเมียของคนตายในคดีนี้ แน่ๆว่าเขาสงสัยคุณเป็นลำดับต้นๆในดคีนี้ แต่เปลี่ยนเป็นว่ายิ่งสงสัย เขากลับยิ่งเผลอไผลในคุณเยอะขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อศพปัญหา หล่นลงมาจากยอดดอย เอามาสู่ความเกี่ยวพันต้องห้าม ที่ไม่บางทีอาจหลีกเลี่ยง “ยิ่งหลงรัก ยิ่งติดกับ” การตัดสินใจคราวนี้ กำลังจะแปลงคุณและก็เขาไปนิรันดรหนังในชื่อ พัคชานอุค ย่อมไม่ใช่ปกติสามัญแน่ๆ ถ้าเกิดเข้าถึงแรงบันดาลใจรวมทั้งความยูนีคของเขาได้ ก็จะสนุกสนานตามไปกับมิติรายละเอียดที่ทั้งยังแน่นทั้งยังแรง รวมทั้งได้เสพย์งานอาร์ตระดับประสิทธิภาพ ซึ่งเกือบจะทั้งหมดก็จะเป็น Genre แนวหนักชั่วร้าย เศร้าใจระทึก

เครียดๆโกรธแค้นๆหรือทิ้งอะไรให้วนเวียนในสมองพวกเราต่อได้อีกหลายๆวันเลย ซีรี่ย์ สืบสวน  จนกระทั่งตัวเขาเองเคยกลับมู้ด ทำรอมคอมไว้เรื่องหนึ่งเป็น I’m a Cyborg, But That’s OK เพื่อบุตรสาวได้ได้โอกาสเข้าถึงงานของเขาบ้าง เนื่องจากว่าเขาเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก แม้กระนั้นเอาจริงเอาจังก็มิได้เป็นรอมคอมแบบเบาสมองเลยคะโรมานซ์สไตล์นีโอนัวร์Decision to Leave นี้ก็เป็นงานโรมานซ์ที่ก้าวผ่านความธรรมดาไปเป็น โรมานซ์สไตล์นีโอนัวร์ เขาบอกไว้ว่าตั้งอกตั้งใจที่จะทำหนังในโทนที่ไม่เปิดเผย แต่ว่าไม่ใช่ว่าจะให้เงียบจากการจำกัดบทสนทนา เอาจริงเอาจัง

บทสนทนาหัวข้อนี้กลัยมากกว่าเสียอีก เนื่องจากเขาต้องการจะแทนคำว่า ‘ฉันรักคุณ’ ด้วยการบรรจงถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนั้นออกมามากยิ่งกว่าการดำเนินเรื่องก็เลยค่อนไปทาง Slow-burn เบาๆเพาะบ่มอารมณ์ควบไปกับเนื้อเรื่องของการไขปัญหาคดีสืบสาวตื่นเต้นเบาๆเคล้าดราม่า เป็นที่น่าทึ่งว่าเนื้อหาของบทสำหรับพูด ภาพ เสียง ล้วนมีอะไรๆให้เก็บให้อินกันทุกเม็ดจริงๆกระทั่งการดูรอบเดียวอาจจะเก็บได้ไม่หมดแน่ๆแฮจุน (สวมบทบาทโดย พัคแฮอิล) ตำรวจสายลับผู้หมกมุ่นตั้งใจจริงกับงาน จนถึงเชิญสงสัยได้ว่า ด้วยเหตุว่างานทำให้เขาเป็นโรคเครียดนอนไม่หลับอย่างหนัก หรือด้วยเหตุว่าการนอนไม่หลับเลยทำให้เขาบ้างาน (ซึ่งเจ้าตัวพูดว่าอย่างข้างหลัง)

เขามีลักษณะของ OCD อ่อนๆที่หมกมุ่น เก็บเนื้อหาทุกเม็ด จะต้องเพอร์เฟ็ค เรียบร้อย ตั้งใจจำแม้กระทั้งกับจำนวน เขาดำเนินงานอยู่ในปูซาน สุดสัปดาห์แล้วก็ค่อยกลับไปอยู่บ้านหนได้พบเมีย จองอัน (สวมบทบาทโดย อีจองฮยอน) ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆริมฝั่งซึ่งมีแต่หมอกปกคลุม ส่วนลูกชายก็พักอยู่หอพักหมกมุ่นกับการเล่าเรียน (เสมือนบิดาไม๊หละ!)แฮจุนรวมทั้งรุ่นน้องผู้ช่วย ซูวอน (สวมบทบาทโดย โกคยองพโย) เข้าไปทำคดีตายปัญหาของ กีโดซู (เล่นบทโดย ยูซึงมก) นักกีฬาปีนเขาสมัครเล่นที่ตกจากยอดดอยชัน ซึ่งบางทีอาจเป็นการการสังหารก็ได้ แฮจุนได้เจอกับเมียผู้เสียชีวิต

ซีรี่ย์ สืบสวน

ซอแร (สวมบทโดย ถังเหว่ย) ที่อายุคราวลูก เป็นคนจีนหลบเข้าประเทศเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้แต่ว่าผิดส่งตัวกลับ เนื่องจากกีโดซูที่เป็นข้าราชการกองตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งอีกเหตุผลเป็นการศึกษาและทำการค้นพบเกียรติของต้นตระกูลคุณที่เป็นนักสู้เลือดรักชาติประเทศเกาหลีในทางวิชาชีพและก็หน้าที่การงาน แฮจุนย่อมถูกสงสัยในตัวซอแรเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าคุณออกอาการพิรุธในระหว่างการสอบสวน รวมทั้งยังมีหลักฐานบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณกลายเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย

แม้กระนั้นในทางจิตใจ ดูเหมือนความหมกมุ่นของเขาจะควบก้ำกึ่งทั้งยังในมุมของงานแล้วก็ความรู้สึกส่วนตัวบางสิ่งบางอย่าง การตามสืบสอดส่อง เฝ้าตอนเช้าเฝ้าเย็นและก็การกระทำต่อคุณก็เลยมองประหลาดตาพิเศษเกินเลย จนถึงลูกน้องยังเชิญชวนสงสัย โน่นเป็นปริศนาที่เพาะไว้ภายในดวงใจผู้ชมให้คิดและก็ติดตาม อยากรู้ว่าผลของการสืบคดีจะคืออะไร ซอแรจะมีความผิดไหม แล้วก็แฮจุนมีใจให้ซอแรใช่หรือไม่ใช่

แม้ว่าจะได้คำตอบในใจพักไว้แล้ว แม้กระนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกค่อนเรื่องที่เหลือก็ยังพาให้พวกเราแกว่งไกว ย้อนกลับมาคิดทบทวนทุกๆสิ่งทุกๆอย่างใหม่อีกในอารมณ์ที่ว่า อะไรๆก็มองอึมครึมไม่แน่ชัดไปหมดบทที่มองดูโดยผิวเผินบางทีอาจมองเรียบง่ายแต่ว่ามีความแยบคายละเอียดลออลึกซึ้ง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ละภรรยาดละไม เชิญตกความคิดความฝันเผลอไผลตาม ดูเหมือนจะเนิบๆแต่ว่ามวลอารมณ์ล้นหลาม รวมกับพลังของดาราหนังที่รับส่งให้กันอย่างเลิศ

ส่งให้แปลงเป็นหนังรักในอีกต้นแบบที่ฟินระทึก อบอุ่นเปล่าเปลี่ยว ซีรี่ย์ สืบสวน  สุขเศร้าใจ ช่างเป็นคุณศัพท์ที่ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้เลยเนอะ มันก็เลยให้ความรู้ความเข้าใจสึกสดใหม่มากอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนคำเสนอแนะสำหรับเพื่อการมองหัวข้อนี้ก็คือ จะเสพความงดงามที่มิได้มาพร้อมกับความหวานชื่นนี้ได้จำเป็นต้องใช้ดวงใจเบาๆมองไปอย่างค่อยๆ และก็จำเป็นต้องถอดกรอบแบบเดิมๆของความนึกคิดแนว ‘แมส’ พักวางไว้ก่อน ทุกบทสำหรับพูด ทุกความประพฤติปฏิบัติสื่อนัยความหมาย

รวมทั้งส่งต่อความเกี่ยวเนื่องกันหมดทั้งยังเรื่อง ความธรรมดาที่มีเรื่องมีราวราวงดงามทรงอำนาจ สะท้อนชัดจากโปสเตอร์ ยิ่งหากมองจบแล้วกลับมามองโปสเตอร์อีกที จะยิ่งรู้สึกได้ว่าคุมโทนคุมคอนเซ็ปต์อยู่จริงๆเลยพัคแฮอิล เป็นแคสต์ที่พอดีจริงๆเพราะเหตุว่าสีหน้าท่าทางแววตาอารมณ์อย่างงี้ อาจจะเพียงพอเคยได้เห็นบ้างจากผลงานที่เคยผ่านมา เขาถ่ายทอดความคลั่งไคล้จากด้านในออกมาทางแววตารวมทั้งท่ามกลางท่าทางและก็คำกล่าวแสนปกติ

จะเรียกว่าเป็นอีกลักษณะของความซึนเดเระก็พอเพียงไหวนะ แบบพอดิบพอดีพองามเป็นธรรมชาติ ซ่อนเร้นเก้อเขินได้น่ารัก ในหลายๆฉากเขาทำให้พวกเรายิ้มขำๆได้เลยค่ะ พัคแฮอิลเป็นอีกหนึ่งดาราที่ใช้สายตาได้ลึกซึ้งสะเทือนอารมณ์ดีเลิศจริงๆยิ่งไปกว่านี้ ก็ยังมีนักแสดงร่วมสมทบอีกหลายต่อหลายๆคน บทคนละเล็กละน้อย ดังเช่นว่า พัคยงอู แก่นแก้วฮยอนอู พัคจองไม่น อีฮักจู ยูแทโอ ชเวแทฮุน คิมคุ้นชินยอง โกไม่นซี ฯลฯ รวมทั้งต้องการขอชูให้ Smart watch เป็นอีกหนึ่งผู้แสดงนำรวมทั้งมีหน้าที่สำคัญในเรื่องด้วย

สวยสดงดงามสดใหม่แตกต่างกันงาน Cinematography เป็นหัวใจหลักของหนังประเด็นนี้ที่ไม่กล่าวถึงมิได้เลย งดงามสดใหม่ผิดแผกแตกต่าง การเลย์ซาวน์ ดี สกอร์ซาวน์แปลก ไม่เปิดเผย (สมทางที่ผู้กับวางไว้) แต่ว่าได้อารมณ์มากมาย ได้แก่ ซาวน์เสียงแหลมกรีดจิตใจในฉากลุ้นความรู้สึกในใจ รวมทั้งเพลงธีมที่เลือกมาก็ดีเลิศๆอีกทั้งรายละเอียดที่เล่นกับ ‘หมอก’ กับเมือง และก็กับดวงตาเลือนของแฮจุน จังหวะเพลงก็เพราะกับบุคลิกลักษณะผู้แสดงได้

งานภาพเป็นยิ่งได้มองเห็นช็อตประหลาดตา ซีรี่ย์ สืบสวน  สื่ออารมณ์แล้วก็นัยความหมายเจริญ ดังเช่นว่า เล่าอารมณ์ความรู้สึก ‘ต้องการ’ ให้สมจริงสมจัง ด้วยการจินตนาการเอาตัวเข้าไปอยู่ร่วมเฟรมร่วมเรื่องราวที่มองดูอยู่คิดอยู่ (กระทั่งผู้ชมบางบุคคลบางทีอาจเผลองงงันได้) การซ้อนภาพสองอย่างหรือสองช็อตในเฟรมเดียวกัน ให้อารมณ์แปลกๆแนว ‘ถลำ‘ กับความถลำใจของผู้แสดงนำด้วย

นี่เป็นหนังสอบสวน ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความโรแมนติก ดราม่า แบบครบถ้วนมากมาย กล่าวได้ว่าบทถูกเขียนมาอย่างชาญฉลาดรวมทั้งอ่อนโยนอย่างมาก บทมันโอเคมาก แรกๆพวกเราจะรู้สึกราวกับหนังสอบสวนทั่วๆไปเกี่ยวกับคดีหนึ่ง แต่ว่ายิ่งหนังดำเนินไปคุณจะสัมผัสได้ว่านี่มันเป็นหนังรักที่กางคเกรียวกราวเป็นการสืบคดี

หนังปูเรื่องความเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นระหว่างสายสืบชายหนุ่มรวมทั้งผู้ต้องสงสัยสาวได้อย่างดีเยี่ยม มีการปรับปรุงนักแสดงและก็ความเกี่ยวพันตลอดระยะเวลา ครึ่งเรื่องแรกมันจะมีความลำบากใจในความเกี่ยวข้องของทั้งคู่ พร้อมๆกับสร้างความรู้สึกบางสิ่งบางอย่างแบบพะอืดพะอมบอกผิดให้กับผู้ชมไปด้วย ทำนองว่า เอ๊ะ พวกเราจำเป็นต้องรู้สึกอย่างไรกับความข้องเกี่ยวของทั้งสองดีนะ มันเชื้อเชิญหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ไม่ใช่น้อย แม้กระนั้นมันก็ตรึงให้พวกเราอยู่กับเรื่องราวได้ตลอด พร้อมดึงพวกเราด้วยปัญหาว่าความสมาคมนี้มันจะจบเช่นไร

 

 

 One Dollar Lawyer วันดอลลาร์ลอวเยอร์

ชอนจีฮุน’ (นัมกุงมิน) สมัยก่อนอัยการที่ผันตัวมาเป็นทนาย เขาเป็นที่ร่ำลือทั้งยังในด้านของความยียวนกวนโอ๊ย ผ่าเหล่า แล้วก็คำพูดเราะรายอย่างร้ายกาจ ด้วยมาดที่ไม่เหมือนใครกับแฟชั่นส่วนตัวทั้งยังลักษณะท่าทางและรูปแบบการแต่งตัวกับแว่นตาดำสุดโก้เก๋ ที่เขากระหยิ่มใจเสนอลุคนี้ของตนซะอย่างมาก ดูหนังฟรี แม้กระนั้นแม้กระทั่งข้างนอกเขาจะเป็นแบบไหนก็ตาม ด้านในที่เอื้อเฟื้อต่างหากที่ทำให้กิตติศัพท์ของเขามีชื่อเสียงในวงการตุลาการในฐานะทนายความหัวกบฏ

โดยยิ่งไปกว่านั้นการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้ตกระกำลำบากโดยรับค่าตอบแทนเพียงแค่ 1,000 วอนเพียงแค่นั้นเป็นทนายความขวัญใจพลเมืองโดยแท้จริง มองเห็นแบบงี้อย่ารู้สึกว่าเขามีเงินมีทองมาจากไหนเลยจ๊าจ๊ะ เนื่องจากว่าแน่ๆว่าทนายความคนยากจนก็จนกระทั่งไม่แพ้ใครกันแน่เช่นกันนั่นแหละ เนื่องจากว่าถึงจะหล่อ เนี๊ยบและก็เฟี้ยวฟ้าวแค่ไหน ว่าความในศาลจะเก่งกล้าสักเท่าไหร่ ก็ยังแพ้ป้าผู้ครอบครองหอพักที่มาทวงค่าใช้จ่ายสำหรับเช่ายิกๆอยู่ร่ำไป

งานนี้ฟ้าดินก็ต้องส่งเทวนารีในชุดสีชมพูแสบสันมาช่วยประคองสถานะกันสักนิดเรื่องราวของ ชอนจีฮุน (สวมบทโดย นัมกุงมิน) อดีตกาลอัยการผู้ผันตัวมาเป็นทนายจนได้ชื่อว่าเป็นกบฏที่แวดวงกฎหมาย เขามักเผยตัวในสูทลายสก็อตตัดเย็บอย่างยอดเยี่ยมพร้อมทรงผมดัดลอนมีสไตล์ ภาพลักษณ์มองไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่แต่มีใจอันเป็นบุญกุศล ชอนจีฮุนใช้ข้อบังคับเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้คนที่กำลังประสบทุกข์โดยคิดค่าแรงงานเพียงแต่หนึ่งพันวอน ฝีมือแล้วก็ความฉลาดอันเด็ดขาดทำให้กิตติศัพท์ของเขาเป็นที่ลือลั่นในวงการตุลาการ

หากแม้โลกจะกระหน่ำฟ้าจะทลายแม้กระนั้นชอนจีฮุนยังยืนหยัดอยู่ได้ในฐานะ  ซีรี่ย์ สืบสวน ทนายความพันวอน ผู้เป็นขวัญใจคนยากจนเมื่อครั้งที่ชอนจีฮุนรับว่าความในคดีคนล้วงกระเป๋า เขาได้เจอกับคู่แข่งในชั้นศาลอย่าง กางคมารี (สวมบทบาทโดย คิมจีอึน) อัยการฝึกซ้อมผู้เป็นหลานสาวของประธานบริหาร ที่ทำการข้อบังคับกางค ภายหลังเสียท่าปราชัยในคดีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วให้กับชอนจีฮุน กางคมารียังจะต้องหามความเขินอายขายหน้าไปศึกษางานกับเขาตามคำสั่งของปู่ แม้ว่าจะตกอยู่ในสถานะคู่ปรับที่ไม่มีผู้ใดยอมคนใดกัน แต่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกันบรรเทาปัญหาให้กับผู้คนมาก

สารพัดเดือดร้อนที่ผ่านมือทำให้ทั้งคู่ได้ศึกษาและทำการค้นพบคุณประโยชน์ที่การเป็นอัยการเพื่อมวลชนอย่างแท้จริงด้วยความบังเอิญที่จะต้องไปว่าความในคดีเดียวกัน ทำให้เขาได้พบกับ ‘กางคมารี’ (คิมจีอึน) อัยการฝึกฝนหลานสาวคนเก่งของประธานบริหารที่ทำการข้อบังคับกางค สองคนพบกันในฐานะคู่ปรับในชั้นศาลและก็แน่ๆว่ากางคมารีแพ้ราบคาบ หนำซ้ำยังจำเป็นต้องตากหน้ายับๆไปขอฝึกหัดงานกับชอนจีฮุนซะอีกตามคำสั่งประกาศิตของปู่

ไม่ต้องการที่จะไปก็จะต้องไป ไม่ต้องการร่วมมือก็จำต้องร่วมทำยังไงได้ และก็การร่วมงานของพวกเขาคราวนี้ก็ทำให้จะต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ที่จะชุลมุนขนาดไหน บอกคำจำกัดความอะไรกับชีวิตกันบ้างOne Dollar Lawyer : เปิดตัวมาอย่างปั๊วะปังด้วยเรตท้วงติง 8.1% เรียกว่าสูงสุดของปีนี้กันอย่างยิ่งจริงๆ แน่ๆว่าการเปิดตัวคราวนี้เพราะเหตุว่านักแสดงนำเป็นเหตุ ก็ทั้งยังนัมกุงมิน รวมทั้งคิมจีอึน เคยร่วมงานกันมาก่อนใน ‘The Veil’ (2021) ในฐานะคู่ขาเคมีวิเศษ การกลับมาโอกาสนี้ก็เลยเรียกความพอใจของแฟนคลับได้ไม่น้อย รวมทั้งพวกเขาก็สามารถยืนยันผลงานได้ด้วยเรตแย้ง 8.5% ในขณะที่สอง

ตอกย้ำซ้ำเติมการรอของแฟนๆได้แบบเต็มคำ กับซีรีส์ข้อบังคับสายฮาที่หลบซ่อนดราม่าไว้ไม่มิดความฮาแบบโบ๊ะบ๊ะที่ไม่ไม่มีสาระเลยนิดหน่อย เพราะว่าทุกๆความประพฤติล้วนมีเหตุมีผลรวมทั้งซ่อนเร้นไว้ด้วยสาระในเส้นเรื่องจนถึงกล่าวได้ว่าเกือบจะทุกอนู ด้วยการใช้สถานะการณ์ในชีวิตของมนุษย์ ที่ดูจากด้านนอกนั้นแสนจะปกติมาผูกปมเกิดเรื่องราวที่มีเพียงแต่คนที่ตั้งใจมันเพียงแค่นั้นจะร้องเอ๊ะกับความธรรมดาพวกนั้น ซึ่งทนายความพันขอร้องงพวกเราคนนี้เขาแลเห็นรวมทั้งเอาใจใส่ทุกชีวิต

ทุกความทุกข์ร้อนที่ผ่านเข้ามาให้เขาได้เจอและไม่เคยได้เห็นเกิดเรื่องบางส่วน จนกระทั่งพวกเราจับพิจารณาได้ว่า โน่นเพราะเหตุว่าเขาเคยพลาดในมุมนั้นๆมาก่อน ก็เป็นการซ่อนเร้นดราม่าที่พวกเรารู้ดีว่าจะต้องมี แล้วก็จัดเตรียมคอยรับความซาบซึ้งกันได้เลยเรียกว่าคนไม่ใช่น้อยเริ่มเหม็นเบื่อกับรายละเอียดที่ล้วนเอาจริงเอาจังต่อเนื่องกันมาเป็นสิบเรื่อง ก็เลยไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าการกระจายเสียงสู่สายตาผู้ชมในเดี๋ยวนี้ย่อมสุ่มเสี่ยงเป็นปกติ

แต่ทว่าเรื่องราวที่ฟาดศีรษะเข้าบ้านได้ตั้งแต่งัดฝากระป๋องก็สามารถเอาผู้ชมได้อยู่มือ ซีรี่ย์ สืบสวน  ไม่ฉุดกระชากลากถูก็พร้อมกลับมาตายรังอยู่ดีไม่ใช่ทุกคนที่ยอมควักกระเป๋าจำนวนหลายชิ้นเป็นรายจ่ายสำหรับเพื่อการต่อสู้คดี หลายชีวิตจำต้องยอมรับความพ่ายแพ้เพราะเหตุว่าไม่มีสติปัญญาว่าจ้างทนายความมาช่วยเรียกร้องความชอบธรรมให้กับตนเอง การถือข้อความสำคัญฐานรากในแวดวงกฎหมายมาเล่าสู่กันฟังผ่านผู้แสดง ทนายความพันวอน ก็เลยเป็นแถวคิดที่สร้างความว้าวได้อย่างชาญฉลาด การวางแบบให้เขาอยู่ในสถานะวีรบุรุษของผู้ยากแค้นยิ่งสามารถซื้อใจผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัย

เชิญให้พวกเราอยากรู้สงสัยถัดไปว่าชอนจีฮุนจำเป็นต้องเจอกับคดีที่ยากขึ้นแค่ไหน จะใช้ทีเด็ดอะไรมาประมือในชั้นศาล รวมถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาปลดเกษียณอาชีพอัยการแล้วผันตัวมาเป็นทนายสายบุญ นับว่าเป็นเงื่อนใหญ่ที่น่าดึงดูดพอเพียงจะตรึงพวกเราไว้จนกระทั่งใกล้จะถึงเวลาแถลงไขอย่างเห็นได้ชัดการเลือกใช้โทนคอมเมดี้เป็นตัวชูโรง แปลงเรื่องเครียดให้เกิดเรื่องฮาประเภทที่เรียกว่าล้างแบบเรียนทุกกระบิ

ทำให้พวกเราได้มีความเห็นว่าซีรีส์แนวข้อบังคับไม่มีความจำเป็นที่ต้องต่อสู้บาดใจเอาจริงเอาจัง ทดลองบิดมาเล่าในมุมที่ไม่มีใครเหมือนให้ร้ายไร้สาระเล่นใหญ่ของผู้แสดงลงไปก็นำมาซึ่งการก่อให้เกิดบรรยากาศรูปแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำจากจำเจ สองตอนต้นที่ผ่านไปเพียงพอจะมีความเห็นว่าคดีในเรื่องมักมาจากเหตุในชีวิตประจำวัน อดีตกาลผู้ต้องขังที่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนล้วงกระเป๋า รวมถึงข้าราชการรักษาความปลอดภัยที่ถูกลูกบ้านทารุณรังแก ซีรีส์เล่าข้อความสำคัญพวกนี้ไปอย่างค่อยสบายกลับกระตุ้นความพอใจของพวกเราได้อย่างดีเยี่ยม

 

Inside Man อินไซด์ แมน

แม้กระนั้นเต็มไปด้วยแรงชนเต็มอัตรา แบบใส่ไม่ยั้งในทุกๆตอนของเรื่อง บทละครที่มิได้สลับซับซ้อนแล้วก็เต็มไปด้วยความแหลมคมคายระดับขึ้นทิ้ง นี่เป็น ดูหนังผ่านเน็ต “Inside Man” ซีรีส์แนวไขปัญหาคดีลึกลับ ที่แทรกสอดเงื่อนเอาไว้ได้น่าดึงดูดและก็ท่วงทีลึกลับที่สะใจผู้ชมอย่างดีเยี่ยม นี่ก็เลยเปลี่ยนเป็นซีรีส์นอกสายตาของใครๆดูหนังฟรี แม้กระนั้นนี่เป็นไม่นิซีรีส์สั้นๆที่มีส่วนประกอบของ ฮัลนิบาล ผสมกับ เชอร์ล็อก โฮล์ม แล้วก็ยังมีกลิ่นความเป็น โคนัน ยอดสายลับ แบบอย่างคนคุกอะไรทำนองนั้น

ไม่นิซีรีส์ที่เพียรพยายามสร้างฐานะเอกหลักให้เป็นสายลับอัจฉริยะที่ถูกทำโทษประหาร เป็นเสมือนส่วนประกอบของฮันนิบาลเล็คเตอร์กับเชอร์ล็อคโฮล์ม ซึ่งสามารถไขคดีได้เพียงแต่รับทราบข้อมูลนิดหนึ่งก็เล่าได้เป็นฉากๆกับตัดสลับไปเล่าคดีหลักที่นอกตารางที่ดูราวกับว่าไม่มีอะไร แม้กระนั้นก็เปลี่ยนเป็นเรื่องราวรุนแรงขึ้นเรื่อยแม้กระนั้นปัญหาของหัวข้อนี้สำคัญๆเป็นความเว่อร์ของเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างที่มีจุดไม่สมเหตุผลบานแบะ

ความนึกคิดความประพฤติปฏิบัติของผู้แสดงก็มองเว่อร์เกินจริง จนถึงยากจะเชื่อตามเรื่องได้ แม้กระนั้นหากผู้ชมที่ไม่สนใจจุดนี้เลย ก็สามารถมองสนุกสนานกับเรื่องราวที่สั้นๆแล้วไปไวเพียงแค่ 4 ตอนสุดท้าย แม้กระนั้นตัวเรื่องตั้งมั่นทำฤดูกาลนี้เป็นเพียงแค่การเปิดตัวละครหลักของเรื่องเพียงแค่นั้น ยังมีปัญหาทิ้งค้างจำนวนมากเพื่อไปต่อฤดูกาล 2เรื่องราวของ เจฟเฟอร์สัน กริฟฟ์ ผู้ต้องขังคดีการฆาตกรรมคอยโทษประหาร

ที่เขาเปลี่ยนเป็นบุคคลที่ให้การช่วยเหลือ ซีรี่ย์ สืบสวน สำหรับเพื่อการค้นหาเงื่อนปัญหาคนหายอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างแยบคาย ถึงแม้ว่าตัวของเขาจะอยู่เพียงแค่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ตารางเหล็กขังเอาไว้อยู่ เขาได้ร่วมมือกับผู้รายงานข่าวสาวคนประเทศอเมริกา เบธ ดาเวนพอร์ต คลี่คลายเงื่อนต่างๆในเวลาเดียวกัน เจนนิส อาจารย์สอนคณิตฯ ที่จำต้องมาติดอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านข้างหลังหนึ่ง ภายหลังที่คุณบังเอิญไปมองเห็นบางสิ่งที่ทำให้คุณจำเป็นต้องตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้

ซีรีส์ขนาดสั้นๆเพียงแค่ 4 ตอนซีรีส์ที่มีเพียงแต่ 4 ตอนสั้นตามสไตล์งานของกลุ่ม BBC แบบผลงานก่อนๆก็เหมือนกัน และจากนั้นก็มักจบในฤดูกาลเลย แต่ว่ากับหัวข้อนี้ราวกับผู้ผลิตคิดแผนให้ฤดูกาลนี้เป็นเพียงแค่การเปิดตัวละครหลัก กรีฟฟ์ เพียงแค่นั้น เพราะว่าตัวเรื่องแทบไม่ให้พวกเรารู้ที่มาที่ไปของผู้แสดงนี้เลย นอกเหนือจากทราบเพียงแค่ว่าเขาฆ่าเมีย และจากนั้นก็มารับโทษในตารางคอยวันประหาร ซึ่งเขาก็เต็มอกเต็มใจต้องโทษนั้นด้วย

ซีรี่ย์ สืบสวน

แม้กระนั้นระหว่างนี้ก็ใช้เวลารับงานที่ทำเวลาว่างจากผู้คุมคุก ที่พาผู้คนนานัปการมาเล่าของคดีที่ปิดไม่ลงเพื่อเขาพินิจพิจารณาและก็ไขปัญหาแบบฟรีๆประพฤติตนเสมือนเป็นการไถ่บาป แม้กระนั้นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวมา เพราะเหตุว่าเขามีเงื่อนไขการรับงาน แล้วหลังจากนั้นก็มิได้เฉลยคำตอบข้อมูลให้ตรงๆแต่ว่าเพียรพยายามให้คนคิดตามแนวคิดที่เขามีความคิดว่าน่าจะเป็น จากการที่ได้ฟังเพียงแค่ข้อมุลโดยประมาณในเวลาสั้นเพียงแต่นิดหนึ่งแค่นั้น โดยมีคู่ขาเป็นผู้ต้องขังคอยประหารอีกผู้ที่มีความจำเป็นรูปถ่ายรอฟังเรื่องราวทั้งสิ้น ราวกับเป็นเลขาเขียนบันทึกให้กรีฟฟ์อีกครั้ง

ผู้ผลิตวางแบบติดอยู่แรกเตอร์นักแสดงกรีฟฟ์เสมือนเป็น ฮันนิบาลเล็คเตอร์ผสมเชอร์ล็อคโฮล์ม แม้กระนั้นเพิ่มความสนุกสนานกับการท้าให้ผู้ครอบครองเคสเล่นเกมทายปัญหาไขคดีไปตามเขา ซึ่งตัวเรื่องทำออกมาแบบเว่อร์มากมาย มากกว่าเชอร์ล็อคโฮล์มอีก เนื่องจากแค่เพียงฟังข้อมูลสั้นๆไม่กี่นาทีกรีฟฟ์ก็สามารถไขคดีได้ในทันที จนกระทั่งที่เหลือก็เป็นเพียงแค่ฉากอวดความรู้ความเข้าใจของเขาแบบที่ไม่มีผู้ใดในเรื่องคิดตามทันสักคน หรือแม้กระทั้งผู้ชมก็ด้วย เนื่องจากว่าตัวเรื่องมิได้ย้ำให้คิดตาม แต่ว่าเป็นการเฉลยคำตอบแบบจับโยงข้อมูลที่นักเขียนบทวางไว้อยู่แล้วให้มาเข้าทางสิ่งที่กรีฟฟ์คิดทุกสิ่ง

แบบทุกสิ่งลงล็อคประจวบเหมาะไปหมด  ซีรี่ย์ สืบสวน แม้กระนั้นความเว่อร์นี้กลับทำให้เรื่องมองไม่ค่อยเชื่อได้ มีพล็อตโฮลแบบหลุดมากล้วยๆซึ่งถ้าหากคนไหนกันแน่เป็นสายแนวสืบสาวก็อาจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับบทสำหรับพูดที่อุตสาหะโม้ของกริฟฟ์ตลอดระยะเวลา ไม่ใช่เรื่องแบบที่เบาๆทำให้ผู้ชมคิดตามได้เลย แต่ว่าหากผู้ที่มองแบบชิลๆละเลยเหล่านี้ไปก็คงจะเพียงพอสนุกสนานกับความเว่อร์ของตัวนำในหัวข้อนี้ได้ ซึ่งตัวกริฟฟ์ในฤดูกาลนี้เพียงแค่มาโชว์ความรู้ความเข้าใจไขคดีหลักในเรื่อง

ก่อนจะเบาๆแย้มว่านักแสดงนี้ยังมีความลับอีกมากมายทิ้งเอาไว้ให้ไปต่อกันที่ฤดูกาล 2บอกได้เลยว่า Inside Man มีไฮไลต์ที่เด่นเป็นการเล่านั่นเอง สตอปรี่บางทีอาจจะมิได้สลับซับซ้อนอะไรมากมาย แม้กระนั้นถูกเอามาร้อยเรียงพรีเซนเทชั่นอย่างมีชั่นเชิงมากมายๆสามารถประสมประสานส่วนประกอบรวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่อยู่แยกกันให้เข้ากันได้อย่างคมคาย กับไต่ระดับอารมณ์ได้ขึ้นเรื่อยตามเหตุการณ์เบื้องหน้า ที่ผู้ชมเกือบจะไม่อาจจะคาดการณ์แนวทางของเรื่องได้เลย

แม้ว่าจะเป็นซีรีส์ขนาดสั้นๆเพียงแค่ 4 ตอน แม้กระนั้นก็อัดแน่นไปด้วยรายละเอียดที่เข้มข้นกัดซาบซึ้งใจ เป็นซีรีส์ขนาดนั้นที่ให้ความรู้ความเข้าใจสึกราวกับนั่งมองซีรีส์เป็น 10 ตอน เพราะว่าเนื้อหาของหัวข้อนี้นั้นจับเอาจิตใจสำนึกของคนเรามาขยี้ได้ถึงแก่น พาผู้ชมถลำลึกลงบ่อนั้นไปเรื่อยถึงแม้เครื่องปรับอากาศไทม์ที่ออกจะสั้นของประเด็นนั้น จะยังไม่อาจจะสร้างความสัมพันธ์กับผู้แสดงได้มากนัก แม้กระนั้นจำต้องสารภาพเลยว่าติดอยู่แรกเตอร์หลักในหัวข้อนี้มีมิติที่น่าประทับใจมากมาย

จะต้องลุกขึ้นยืนตบมือให้กับ “เดวิด เทนนันต์” กับ “สแตนลีย์ ทุชชี่” ที่เป็น 2 ผู้แสดงนำฝ่ายที่ช่วยเหลือกันผนึกกำลังหามซีรีส์ประเด็นนี้เอาไว้ได้อยู่มือ เริ่มที่ สแตนลีย์ ทุชชี่ ที่มามาดนิ่งๆแบบเด็ดขาดทุกซีน เขาปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวดำเนินเรื่องที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน แน่ๆว่าความเป็นมือโปรของเขา สามารถจัดการกับทุกอย่างในหัวข้อนี้ได้อย่างสบายๆรวมทั้งอินเนอร์รวมทั้งเชิงชั้นทางการแสดงของเขา เป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องการจะมองเห็นเขากลับมาอีก

ตอนที่ เดวิด เทนนันต์ เป็นฝั่งที่จัดเต็มทางด้านการแสดง เนื่องจากหน้าที่ที่ส่งได้อย่างลึกซึ้ง การแสดงของเขาในประเด็นนี้เริ่มจากศูนย์ และหลังจากนั้นก็ค่อยๆไต่ระดับขึ้นสูงไปเรื่อยก่อนที่จะระเบิดตู้ม…เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่ผู้ชมจำเป็นต้องระเบิดอารมณ์ไปตามแรงกดดันด้านในหน้าที่ของเขาด้วยอย่างแน่แท้ การได้มานั่งมองการแสดงดีๆของกลุ่มแคสติ้งประสิทธิภาพในซีรีส์หัวข้อนี้ ถือถือได้ว่าเป็นสิ่งที่คุ้มแก่ในเวลาที่อุทิศให้กับซีรีส์หัวข้อนี้แล้ว

นอกนั้น ซีรีส์ยังมีนักแสดงสมทบคนอื่นที่จัดว่าพ่นไฟได้เป็นส่วนประกอบเสริมเข้ามาเติมเต็มได้จริงๆไม่ว่าจะเป็น “ดอลลี่ เวลล์ส”, “ลิเดีย เวสต์”, “หฝ่าส์ โอลิเวอร์” หรือ “ลินด์ซี่ย์ มาร์แชล” ที่นับว่าทุกๆผู้แสดงในหัวข้อนี้นั้นถูกถ่ายทอดออกมาโดยดาราหนังที่ทุ่มเทรวมทั้งทรงอำนาจไม่แพ้กันการผลิตของซีรีส์ Inside Man บางทีอาจจะมิได้มีอะไรที่สะดุดตานัก

เนื่องจากไฮไลต์สำคัญๆที่เฉิดฉันไปอยู่ที่บทละครเป็นหลักแล้ว  ซีรี่ย์ สืบสวน งานโปรดักชั่นก็อยู่ในระดับตามมาตรฐานซีรีส์ทั่วๆไป สิ่งที่จำเป็นต้องยกนิ้วให้กับประเด็นนี้ก็น่าจะเป็นองก์ของบทโดยแท้จริง เพราะเหตุว่าเต็มไปด้วยกลเม็ดเด็ดพรายสำหรับการวางแผนการเล่าที่เป็นเสน่ห์หลัก ถึงจะยังไม่ค่อยลงรายละเอียดที่มีเหตุผลในบางจุดอยู่ก็ตาม แต่ว่าก็ทำให้จังหวะแล้วก็อารมณ์ของซีรีส์เรื่องออกมาได้ออกจะถูกใจ ในช่วงเวลาอันมีจำกัดขององค์ประกอบ

 

 The Takeover เดอะ เทคโอเวอร์

หนังอาชญากรรมไซเบอร์ที่บางครั้งอาจจะอยู่นอกสายตาผู้ชมด้วย เนื่องจากอีกทั้งดาราหนังและก็โปรดักชั่นต่างไม่ค่อยดังสักเท่าไหร่ แต่ว่าบังเอิญว่า..หนังมองค่อนข้างจะบันเทิงใจแล้วก็ย่อยง่ายพอได้ใน “The Takeover” หนังออริจินัลที่มีเชื้อชาติเนเธอร์แลนด์แบบ 100% ถึงแม้ว่าโครงเรื่องจะค่อนข้างจะสูตรสำเร็จ แม้กระนั้นเป็นสิ่งที่ซ้ำจากจำเจที่เชิญชวนเพลิดเพลินได้อยู่

หนังจากเนเธอแลนด์ ของ Netflix แนวทริลเลอร์ มีบรรยายไทย เรื่องของแฮ็กเกอร์สาวที่มานะทวงความชอบธรรมให้สังคมโดยการเป็นไวท์แฮ็กเกอร์ (ข้างดี) จนตราบเท่าพบป้ายสีโดยวิดีโอดีฟเฟคปลอมตัวบริเวณใบหน้าให้คุณเป็นคนร้าย จนกระทั่งตำรวจไล่ล่าตามจับ คุณก็เลยต้องตามล่ากล่าวโทษจริงว่าใครกันแน่เป็นคนบงการหัวข้อนี้ทั้งผองเมล แบนดิสัน แฮ็กเกอร์ผู้มีคุณความดีกีดกั้นการฝ่าฝืนข้อมูลในรถเมล์สุดไฮเทคที่ขับอัตโนมัติ

คุณดันทำให้โครงข่ายผู้กระทำผิดกฎหมายระดับประเทศล่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ชีวิตของเมลจะต้องกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อคุณถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าฆ่าคนในขณะที่คุณมิได้ทำคุณจำต้องหลบซ่อนจากการตามล่าของทั้งยังผู้ร้ายรวมทั้งตำรวจสากลในเมืองที่มีกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุมถนน คุณก็เลยไปซ่อนตัวอยู่กับผู้ที่คุณเคยนัดพบด้วยคราวหนึ่งอย่าง โธมัส ดีน รวมทั้งทำให้เขาจำต้องตกกระไดพลอยโจนเข้ามาเกี่ยวพันกับการไล่ล่านี้ไปด้วย เมลบากบั่นออกตามหาอดีตกาลที่ปรึกษาที่ชื่อ บัดดี้ เบนซ็อต ผู้ซึ่งจะมาช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับคุณ

ซีรี่ย์ สืบสวน

ภาพยนตร์หัวข้อนี้เริ่มด้วย Mel Bandison วัย 16 ปี ที่เจาะระบบปฏิบัติการทางด้านทหารเพื่อปกป้องเสียงเจ็ท แฮ็กเกอร์รุ่นเยาว์โดนจับโดยบัดดี้ ซึ่งเป็นนักเทคโนโลยีมือโปรอีกคน ซึ่งแลเห็นอัจฉริยะด้านการเข้ารหัสที่สุดยอดในตัวคุณ นับเป็นเวลาหลายปีถัดมา เมลกลายเป็นโรบิน องค์การอนามัยโลกดออนไลน์ที่เก่ง ซึ่งเปิดเผยบุคคลและก็หน่วยงานที่คดโกงในระหว่างที่โอนเงินไปยังมูลเหตุเริ่มแรกของพวกเขา วันหนึ่งขณะทำงานช่วงเวลากลางวัน

คุณเจอจุดบกพร่องแบบสุ่มในรถบัสที่ขับโดยระบบจำบริเวณใบหน้า และก็บล็อกมันในทันทีด้วยม้าโทรจัน คุณออกเดทกับเพศชายที่ชื่อโทมัส โดยไม่ทราบจริงๆเกี่ยวกับผลพวงของความประพฤติของคุณ สุดท้าย ฆาตกรที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังแมลงก็ทำให้จุดมุ่งหมายในชีวิตของพวกเขาเป็นการฆ่ารวมทั้งทำให้เสียหายกิตติศัพท์ของ Mel ไปชั่วชีวิตของคุณ ฉะนั้นก็เลยทำให้แฮ็กเกอร์จำเป็นต้องแข่งกับเวลาและก็เผยส่วนประกอบที่จริงจริงเบื้องหน้าเบื้องหลังการปฏิบัติงานทั้งผอง ช่วงนี้ เมลจะบรรลุความสำเร็จในภารกิจของคุณหรือเปล่า? คำตอบนั้นค่อนข้างจะกระจ่างแจ้งถ้าหากคุณดูหนังแนวนี้มามากพอแล้ว

ในตอนแรก เค้าเรื่องของภาพยนตร์ที่แฮ็กเกอร์กำลังวิ่งอยู่นี้ฟังดูเหมือนกับว่าหนังตื่นเต้นการเข้ารหัสทั่วๆไปของคุณ โดยมีวิถีธรรมดาของสถานะการณ์ แม้กระนั้นหากดูให้ลึกลงไปคุณจะพบว่ามันเป็นแบบงั้นจริงๆมีแฮ็กเกอร์ที่มีความชำนาญพิเศษ ร่างที่เสมือนบิดาซึ่งเคราะห์กรรมถูกผนึกไว้แล้ว และก็ชายที่ไม่ทราบเลยว่ามีความเกี่ยวข้องอะไรก็ตาม

หนังดัชต์ที่พวกเราบางทีก็อาจจะมิได้รู้จักสักเท่าไหร่ นี่ได้ผลงานของผู้กำกับหญิง “แอนมารี แวน เดอ มอนด์” ที่ชอบเด่นกับการผลิตหนังเชิงชมรมเป็นส่วนมาก แต่ว่าคราวนี้มาถือจับสร้างภาพยนตร์แอคชั่นทริลเลอร์ที่มีเพศหญิงแสดงนำดูบ้าง พร้อมทั้งงานโปรดักชั่นที่มีความสากลดี จำเป็นต้องสารภาพว่าทำออกมาออกจะถูกใจ แม้ว่าจะเข้าขั้นที่ปกติ และไม่ได้แปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่เลย

ราวกับเป็นการประสมประสานหนังแนวๆนี้หลาย ซีรี่ย์ สืบสวน เรื่องของฮอลลิวูดมายำเอาไว้ ถือส่วนประกอบโน่นนี่มาประกอบร่างขึ้นมา กับบทหนังที่ไม่ค่อยจะหนักแน่นอะไรเลย หนังเกือบจืดชืดสนิทไปแล้ว หากว่าไม่มีพวกฉากไล่ล่ากับลีลาท่าทางวิธีการแบบแฮกเกอร์มาเสริม เป็นหนังที่แทบจะมีท่วงทีแล้วก็ยังไม่แยบคายสักเท่าไหร่

ยังดีที่แนวทางการเล่าเรื่องของหนังประเด็นนี้ออกจะกระชับดีอยู่  wowslot008 เล่าได้วับไวแล้วก็เข้าเรื่องได้อย่างง่ายๆ บางทีก็อาจจะด้วยเหตุว่าหนังมีความยาวไม่ถึง 90 นาทีด้วย ทำให้อะไรๆก็ออกจะไปได้ไวว่อง แม้กระนั้นก็ยังมีช่วยเอือยๆมาเหนี่ยวรั้งตัวหนังเอาไว้บางส่วน โชคดีที่จังหวะของหนังยังช่วยเกื้อกูลเอาไว้ได้ตลอดทางได้ด้วยดี ด้วยการปรับปรุงเหตุการณ์ที่พอได้เพลิดเพลินๆ

ด้านการแสดงที่พวกเราบางครั้งอาจจะมิได้รู้จักกับดาราชาวฮอลล์แลนด์มากแค่ไหน แม้กระนั้นก็นับว่าพวกเขาถ่ายทอดออกมาได้ตามมาตรฐาน ยังไม่ใช่การแสดงที่ดีแต่ก็มิได้ห่วยอะไร “ฮอลลี่ เมย์ บรู๊ด” ที่จำเป็นต้องมาแบกรับหนังอีกทั้งเรื่องเอาไว้ แม้กระนั้นคุณก็เกือบหามผู้เดียวไม่รอด ยังดีที่มีนักแสดงสมทบผู้อื่นมาช่วยไว้ ไม่ว่าจะเป็น “เคซา ไวสซ์” หรือ “ฟรังก์ ลุกลามเมอร์ช” ที่เป็นส่วนเสริมที่ช่วยผนึกกำลังกัน

ด้านการแสดง ส่วนนี้ก็ปกติมากมายๆด้วยเหมือนกัน ผู้ที่แสดงก้าวหน้าที่สุดในเรื่องก็อาจเป็นตัวนางเอกนี่แหละ การแสดงของคุณยังอยู่ในมาตรฐานที่ดีรวมทั้งพอเพียงจะหามหนังไว้ได้ (นิดหนึ่ง) ส่วนดาราผู้อื่นในเรื่องก็แสดงได้ตามมาตรฐานทั่วๆไป ตัวร้ายก็ปราศจากความน่าสะพรึงกลัวเลย แถมตอนแพ้ก็แพ้ง่ายสุดๆๆเสมือนคิดจะจบก็จบจบแบบไม่มีอะไรให้จำอีกต่างหาก ส่วนท้ายที่สุดเป็นด้านงานภาพและก็การโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็ยังกลางด้วยเหมือนกัน

งานรูปออกมาได้ปกติตามมาตรฐานของหนัง Netflix เลย มิได้มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ งานสร้างและก็การโปรดักชั่นต่างๆก็อยุ่ในมาตรฐานเดียวกัน สรุปโดยรวมเลยเป็น เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างจะปกติแบบสุดๆไม่ถึงกับบันเทิงใจแถมไม่มีอะไรน่าจำมากแค่ไหนหนังแอ็กชั่นระทึก สูตรสำเร็จของฮอลลีวู๊ดตัวหนังเป็นแถวทุนสร้างน้อยเพียงแค่ 2 แสนยูโร (โดยประมาณ 7 ล้านกว่าบาท) อ้างอิงจากเว็บไซต์ IMDB) แต่ว่าพากเพียรทำในแนวหนังแอ็กชั่นระทึก

สูตรสำเร็จของฮอลลีวู๊ด ซึ่งก็เป็นการจับโน่นยืมนี่มาผสมกันหลายๆเรื่องแบบที่ดูแล้วคุ้นๆกันตลอดเรื่อง อย่างสปีดเร็วกวานเกลื่อนกลาด แต่ก็ยังถือว่าทำออกมาเจริญเพียงพอในด้านของทุนสร้างอันน้อยนิดผู้แสดงนำของเรื่องเป็นแฮ็กเกอร์ที่มีการเกริ่นนำปูเรื่องราวสั้นๆตอนแรกเรื่องว่าเทวดาตั้งแต่เด็ก โดยมีแฮ็กเกอร์รุ่นเดอะอีกคนไปพบพบคุณ ตัวเรื่องก็นำความรู้ความเข้าใจของคุณให้เข้าไปพันพัวกับอันตราย มีคนมาตามล่า บากบั่นพึ่งตำรวจก็ล้มเหลว

ก่อนจะร่วมมือกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ของคุณเองไขปัญหาว่าพวกที่มาล่าคุณเป็นคนไหนกันแน่ ซึ่งก็เปลี่ยนเป็นตัวร้ายที่มีแผนระดับครอบครองโลก พร้อมด้วยแนวความคิดคบคิดว่าประเทศมหาอำนาจอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังซึ่งทั้งหมดทุกอย่างก็เป็นไปตามสูตรเป๊ะๆแต่ว่าในระดับหนังทุนต่ำ บทก็เลยให้ทุกๆอย่างดำเนินไปแบบง่ายสุดๆเน้นย้ำลงล็อคตามจังหวะเพื่อไปต่อเร็วๆโดยไม่ต้องใส่เนื้อหาให้เหมือนจริงอะไรมากมาย เพราะว่าเวลาของหัวข้อนี้ก็น้อยเพียงแต่ไม่ถึง 90 นาที

แม้กระนั้นมันก็เป็นประโยชน์ที่ทำให้ตัวเรื่องกระชับไม่เยิ่นเย้อ ซีรี่ย์ สืบสวน  นับว่าพอสมควรบันเทิงใจเพลิดเพลินๆกับฉากไล่ล่าหนีตายแบบวิ่งไปเรื่อยโดยมีตอนแฮ็กอะไรสั้นๆเล็กน้อยพอให้มีความรู้สึกว่าได้ใช้สกิลของคุณอยู่บ้าง และมีไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ออกแนวสปีดจะต้องหยุดรถเมล์อัตโนมัติด้วยการแฮ็กให้ทันตามเวลา ซึ่งก็มีลุ้นนิดๆพอให้ตื่นเต้นอยู่บ้าง

ตัวหนังยังอุตสาหะเล่นกับเทคโนโลยีใหม่หลายประเภทที่กำลังเข้ามามีหน้าที่ใช้งานในโลกนี้วงกว้าง อย่างรถเมล์ไม่มีคนขับ ระบบสแกนบริเวณใบหน้ารวมทั้งตามหาผู้ใดก็ได้ผ่านกล้องถ่ายรูปที่ติดในเมือง โปรแกรมดีปเฟคที่สร้างวิดีโอเลียนแบบให้ร้ายผู้ใดก็ได้ ไปจนกระทั่งการสอดแนมล้วงข้อมูลผ่านการใช้แอปต่างๆที่ผู้ใช้มิได้รู้สึกตัวหรือยอม ซึ่งก็จัดว่าเรื่องเสนอผลเสียของเทคโนโลยีพวกนี้เข้ามาได้ดิบได้ดี เพียงบางสิ่งบางอย่างก็มองเว่อร์แบบไม่น่าเชื่อเกินจริงมากมายไปหน่อยแค่นั้น